3.ระบบสารสนเทศด้านการตลาด



               การตลาดเป็นหน้าที่สำคัญทางธุรกิจ เนื่องจากหน่วยงานด้านการตลาดจะรับผิดชอบในการกระจายสินค้าและบริการไปสู่ลูกค้า ตั้งแต่การศึกษาและวิเคราะห์ความต้องการการวางแผนและการสร้างความต้องการ ตลอดจนการส่งเสริมการขายจนกระทั่งสินค้าถึงมือลูกค้า การวิเคราะห์การตลาดมาจากแหล่งข้อมูลดังต่อไปนี้
1.การปฏิบัติงาน(Operations)เป็นข้อมูลแสดงถึงยอดขายและการดำเนินงานการตลาดช่วงระยะเวลาที่ผ่านมา
2.การวิจัยตลาด (Marketing Research)เป็นข้อมูลที่ได้จากการศึกษาและวิเคราะห์ข้อมูลทางการตลาด
3.คู่แข่ง (Competitor) โดยข้อมูลจากการดำเนินงานของคู่แข่ง ช่วยให้ธุรกิจสามารถวางแผนการตลาดได้อย่างเหมาะสม ปกติข้อมูลจะมีลักษณะไม่มีโครงสร้าง ไม่เป็นทางการ เช่น การทดลองใช้สินค้าหรือบริการ การสัมภาษณ์ลูกค้าและตัวแทนจำหน่าย การติดตามข้อมูลในตลาด
4.กลยุทธ์องค์การ ( Corporate Strategy)
เป็นข้อมูลสำคัญทางการตลาด เนื่องจากกลยุทธ์จะเป็นเครื่องกำหนดแนวทางปฏิบัติของธุรกิจ และเป็นฐานในการกำหนดกลยุทธ์ทางการตลาดองค์การ
5.ข้อมูลจากภายนอก (External Data) การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นทางเศรษฐกิจ การเมือง สังคม และเทคโนโลยี ซึ่งจะส่งผลต่อโอกาสหรืออุปสรรคของธุรกิจ


สารสนเทศด้านการตลาดอาจจะมีความแตกต่างกันตามประเภทของธุรกิจ ซึ่งเราสามารถจำแนกย่อยของระบบสารสนเทศด้านการตลาดได้ดังต่อไปนี้
1.ระบบสารสนเทศสำหรับการขาย
สามารถแบ่งออกเป็นระบบย่อย 3 ระบบดังต่อไปนี้
- ระบบสารสนเทศสำหรับสนับสนุนการขาย จะรวบรวมข้อมูลต่างๆเพื่อสนับสนุนการดำเนินงานของฝ่ายขาย เพื่อให้การขายเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งข้อมูลที่ระบบต้องการจะเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ที่จะทำการขาย รูปแบบ ราคา และการโฆษณาต่างๆเพื่อดึงดูดความสนใจของลูกค้านอกจากนี้อาจจะเกี่ยวกับช่องทางและวิธีการขายสินค้าป่านตัวแทนจำหน่าย
- ระบบสารสนเทศสำหรับวิเคราะห์การขาย
        จะรวบรวมสานสนเทศในเรื่องของกำไรหรือขาดทุนผลิตภัณฑ์ ความสามารถของพนักงานขายสินค้า ยอดขายแต่ละเขตการขาย รวมทั้งแนวโน้มการเติบโตของสินค้า เช่น รายงานการขาย หรือรายงานของต้นทุนสินค้าและวัตถุดิบ
- ระบบสารสนเทศสำหรับการวิเคราะห์ลูกค้า
จะช่วยในการวิเคราะห์ลูกค้าเพื่อให้ทราบถึงรูปแบบของการซื้อและประโยชน์ที่ลูกค้าจะได้รับ เพื่อที่ธุรกิจจะสามารถให้บริการลูกค้าได้อย่างเหมาะสมและมีประสิทธิภาพ

2.ระบบสารสนเทศสำหรับการวิจัยตลาด
สามารถแบ่งออกเป็นระบบย่อยตามหน้าที่ 2 ระบบดังต่อไปนี้ 
- ระบบสารสนเทศสำหรับการวิจัยลูกค้า
การวิจัยลูกค้าจะต่างกับการวิเคราะห์ลูกค้าตรงที่ว่าการวิจัยจะมีขอบเขตของการใช้สารสนเทศกว้างกว่าการวิเคราะห์ลูกค้าโดยการวิจัยจะต้องการทราบสารสนเทศที่เกี่ยวกับลูกค้าในด้านสถานะทางการเงิน การดำเนินธุรกิจ ความพอใจ รสนิยม และพฤติกรรมการบริโภค
- ระบบสานสนเทศสำหรับการวิจัยตลาด
การวิจัยตลาดจะให้ความสำคัญกับการหาขนาดของตลาดของแค่ละผลิตภัณฑ์ที่จะนำออกจำหน่าย ซึ่งอาจครอบคลุมทั้งในระยะสั้นและระยะยาว หลังจากนั้นจะกำหนดส่วนแบ่งตลาดของผลิตภัณฑ์เพื่อทำการวางแผน กำหนดเป้าหมาย กำหนดกลยุทธ์และการวางแผน สารสนเทศที่เป็นที่ต้องการของการวิจัยตลาดคือ สภาวะแนวโน้มทางเศรษฐกิจ

3.ระบบสารสนเทศสำหรับการส่งเสริมการขาย
เป็นระบบที่ให้ความสำคัญกับแผนงานทางด้านโฆษณาแบะส่งเสริมการขายโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการขาย เพิ่มยอดขายสินค้า และเพิ่มส่วนแบ่งทางการตลาดให้สูงขึ้น สาสนเทศที่ต้องการคือ ยอดขายของสินค้าทุกชนิดในบริษัทและสารสนเทศที่เกี่ยวกับผลกำไรหรือขาดทุนของสินค้าแต่ละชนิด

4.ระบบสารสนเทศสำหรับการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่และบริการ

เป็นระบบสารสนเทศที่วิเคราะห์ถึงความเป็นไปได้ของผลิตภัณฑ์ใหม่ๆลักษณะและความต้องการของลูกค้าต่อผลิตภัณฑ์ใหม่ หรือผลิตภัณฑ์ที่เป็นที่ต้องการของลูกค้าแต่ยังไม่มีตลาด โดยสารสนเทศที่สำคัญต่อระบบได้แก่ ยอดขายของผลิตภัณฑ์ประเภทเดียวกันในอดีต เพื่อให้ทราบถึงขนาดและลักษณะตลาด และการประมาณการต้นทุน เพื่อตอบคำถามให้ได้ว่าสมควรที่จะออกผลิตภัณฑ์ใหม่หรือไม่

5.ระบบสารสนเทศสำหรับการพยากรณ์การขาย 
เป็นระบบที่ใช้ในการวางแผนการขายแผนการทำกำไรจากสินค้าหรือบริการในช่วงเวลาในเวลาหนึ่งของบริษัท ซึ่งจะส่งผลไปถึงการวางแผนการผลิต การวางแผนกำลังคน และงบประมาณที่จะใช้เกี่ยวกับการขาย โดนสารสนเทศที่เป็นที่ต้องการคือ ยอดขายในอดีต สถานะของคู่แข่ง สภาวะการณ์ของตลาด

6.ระบบสารสนเทศสำหรับการวางแผนกำไร 
เป็นระบบสารสนเทศที่ให้ความสำคัญกับการวางแผนทำกำไรทั้งในระยะสั้นและระยะยาวของธุรกิจโดยสารสนเทศที่เป็นที่ต้องการคือสารสนเทศจากการวิจัยตลาด ยอดขายในอดีต สารสนเทศของคู่แข่ง การพยากรณ์การขาย และการโฆษณา

7.ระบบสารสนเทศสำหรับการกำหนดราคา
การกำหนดราคาของสินค้านับว่าเป็นจิตวิทยาอย่างหนึ่งทางการตลาด เพราะต้องคำนึงถึงความต้องการของลูกค้า คู่แข่งขัน และกำลังซื้อของลูกค้า โดยปกติแล้วราคาสินค้าจะตั้งราคาต้นทุนรวมกับร้อยละของกำไรที่ต้องการโดยสารสนเทศที่เป็นที่ต้องการได้แก่ ตัวเลขกำไรของผลิตภัณฑ์ในอดีต เพื่อทำการปรับปรุงราคาให้ได้สัดส่วนของกำไรคงเดิมในกรณีที่ต้นทุนมีการเปลี่ยนแปลง

8.ระบบสารสนเทศสำหรับการควบคุมค่าใช้จ่าย
บุคคลที่เป็นผู้ควบคุมค่าใช้จ่ายสามารถควบคุมได้ โดยดูจากรายงานของผลกำไรของผลการทำกำไรกับค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริงหรือสาเหตุของการตลาดคลาดเคลื่อนของค่าใช้จ่าย ค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวกับการขาย รามถึงค่าใช้จ่ายต่างๆเช่น เงินเดือน ค่าโฆษณาและส่วนแบ่งการขาย เป็นต้น

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น